เฉลิมพล แซมเพชร..บันทึก
ลงข่าวสารฯฉบับที่ 12 ปีที่ 2 เดือน สิงหาคม 2548
..........ต้าลี่ และลิเจียงเป็นเมืองที่อยู่ในมณฑลยูนนาน ประเทศจีน ที่ถูกกล่าวขวัญถึงและดึงดูดใจให้มีผู้ทั่กการท่องเที่ยวไปสัมผัสและเที่ยวชมกันมาก ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ตัดสินใจสัมผัสกับเขาบ้าง แต่การไปของผมอาจจะต่างไปจากคนอื่น ๆ คือเอาจักรยานใส่เครื่องการบินไทยไปลงที่คุนหมิง จากนั้นก็ปั่นจากคุณหมิงไปตาลี่ และลิเจียงตามลำดับ รวมเป็นระยะทางประมาณ 630 กม. แต่เที่ยวกลับใช้วิธีนั่งรพบัสกลับมาคุนหมิงใช้เวลาประมาณ 10 ชม. ก่อนการตัดสินใจไปปั่นจักรยานครังนี้นั้น ผมได้วางแผนที่จะไปเดินบนเขาที่ประเทศเนปาลอีกสักหน หลังจากที่ด้ไปมาแล้ว 2 หน แต่เนื่องจากประเทศเนปาลกำลังมีปัญหาเรื่องการเมืองอยู่จึงตัดสินใจล้มแผนการด้วยความเสียดาย ประจวบเหมาะกับที่คุณธวัช ศักดาทิวากร (ร้านจักรยานชัยธวัช) และคุณวิษุวัช ทนันชัย ชวนไปปั่นจักรยานไปต้าลี่และลิเจียง ผมจึงตัดสินใจเกือบทันทีเพียงขอไปปรับเรื่องการลางานสักหน่อย เราได้กำหนดการเดินทางวันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม 48 และกลับวันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน 48 ต่อมารามีคุณโต้งแห่งร้าน Smile Photo มาสมทบอีกหนึ่งคน ดังนั้นทีมของเราจึงมี 4 คน ซึ่งเรามีเวลาเตรียมตัวประมาณ 20 วัน การเดินทางของเราดูเหมือนว่าจะมีปัญหาตั้งแต่เริ่มต้นเสียแล้ว เพราะเรายังไม่ได้ตั๋วเครื่องบินเที่ยวขาไปอีกหนึ่งที่ เรารอหนึ่งที่นั้นจนวันสุดท้ายก็ยังไม่ได้ชั้นประหยัดเต็มหมด ในที่สุดเราก็ตัดสินใจใช้บริการชั้นธุระกิจหนึ่งที่ มิฉะนั้นแล้วแผนการปั่นคงต้องยกเลิก
..........ในการไปปั่นครั้งนี้ยอมรับว่า เรามีข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์ต่อการเดินทางน้อยมาก นับตั้งแต่ภาษาจีน (กลาง) ในทีมของเราไม่มีใครรู้ภาษาจีนเลยสักคน มีแต่คุณธวัชเท่านั้นที่รู้เหมือนกันแต่ก็รู้น้อยกว่า งูๆ ปลาๆ ด้วยซ้ำไป ดูเหมือนว่าจะรู้ไม่เกิน 10 คำ แต่เราก็ไม่ได้กังวลเรื่องนี้มากนักเพราะคิดว่าอย่างไรเสียในระหว่างการเดินทางน่าจะใช้ภาษาอังกฤษได้บ้าง แต่ที่ไหนได้เมื่อไปถึงแล้วจึงรู้ว่าภาษาอังกฤษของเราใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้เอาเลย นอกจากเรื่องภาษาแล้ว ก็มีเรื่องแผนที่ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง แผนที่ ที่เรามีอยู่ก็เป็นภาษาจีน และไม่ได้บ่งบอกระดับความสูงของเส้นทางซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนั่งปั่น ก่อนไปเราก็ขอความช่วยเหลือจากผู้ที่รู้ภาษาให้ช่วยแปลและออกเสียงให้โดยเฉพาะจุดหรือตำแหน่ง ที่เป็นหมู่บ้าน และเมืองที่เราจะปั่นผ่าน เพื่อประโยชน์สำหรับการหาที่กินและที่นอนซึ่งคิดว่านะจะช่วยได้บ้าง ในที่สุดเราก็ออกเดินทางตามกำหนดใช้เวลาในการบินจากเชียงใหม่ไปคุนหมิงเพียงประมาณ 1 ชม. 20 นาทีเท่านั้น
..........เมื่อเราไปถึงสนาบินคุนหมิง (เวลาท้องถิ่น 17.30น) หลังจากผ่านพิธีการตรวจแล้ว เราต้องรีบปั่นเข้าเมืองเพื่อหาที่พักก่อนอื่นใดก่อนที่จะมืด ก็มีสัญญานของปัญหาเรื่องภาษาเสียแล้ว เรื่องการถามเส้นทาง เพราะประชาชนของเขาไม่รู้ภาษาอังกฤษ ในขณะที่เราเองก็ไม่รู้ภาษาของเขาเช่นกัน จากปัญหานี้ก็มีผลถึงระหว่างการเดินทางเราด้วย เราต้องใช้ภาษามือและภาษาใล้กันตลอดทาง กว่าจะได้กินได้นอนก็เล่นเอาเหนื่อยทั้งกายหลังจากที่เราปั่นมาทั้งวัน และเหนื่อยใจว่าคืนนี้จะได้มีที่นอนหรือไม่หนอ หมู่บ้านหรือเมืองต่อไปอยู่ไกลแค่ไหน ถนนเป็นทางเรียบหรือขึ้นเขาลงเขา และมีโรงแรมหรือโรงเตี๊ยมหรือไม่ พวกเราอยากได้โรงแรมเพราะว่าจะมีห้องน้ำในตัว ก็สื่อกันไม่ค่อยจะได้ พนักงานโรงแรมก็ไม่รู้ภาษาอังกฤษกว่าจะสื่อเรื่องราคม สภาพห้อง และมีน้ำร้อนหรือไม่ ก็ต้องใช้ภาษาใบ้ และวาดรูปเอาบ้าง จึงได้นอน มีครั้งหนึ่งเราสื่อกันเหมือนเข้าใจว่ามีน้ำร้อนในห้องน้ำ เพราะว่าเราต้องการมากเนื่องจากอากาศหนาว ประกอบกับเราได้ปั่นกลางฝนมาตลอดเกือบทั้งวัน แต่หลังจากเข้าห้องพักได้สักครู่ก็มีพนักงานหิ้วกระติกน้ำร้อนมาให้ 2 กระติก วันนั้นทุกคนเลยไม่ได้อาบน้ำ ได้แค่เช็ดตัวเท่านั้น บางครั้งต้องออกไปยืนดักหาเหยื่อที่เป็นนักเรียน หรือบุคคลที่เราคิดว่าเขาสามารถพูดอังกฤษพอได้บ้างที่เดินผ่านไปมา (ซึ่งก็หาได้ไม่ง่ายนัก) เพื่อขอความช่วยเหลือให้เป็นล่ามให้ นักเรียนเหล่านั้นก็ช่างดีมีน้ำใจเหลือหลาย ทั้ง ๆ ที่เขาเองก็ใช้ภาษาอังกฤษได้น้อยมาก แต่เขาก็พยายามช่วยเราอย่างเต็มที่ คงเพราะสงสารและเห็นเราเหน็ดเหนื่อยเหมือนลูกเป็ดตกน้ำมา ถ้าเราไม่ชอบโรงแรมนี้(ราคาแพงเกินไป หรือไม่มีน้ำร้อน) ก็จะพาเตวนหาที่อื่นให้ ก็เฉพาะในเมืองเท่านั้นที่สามารถหาโรงแรมที่มีห้องน้ำและน้ำร้อน แต่ถ้าโชคไม่ดี อาจจะไม่ได้น้ำร้อนถ้าวันนั้นไม่มีแสงแดด เพราะเขาใช้ระบบแสงอาทิตย์ทำน้ำร้อน แต่โรงแรมบางแห่งเขาจะมีระบบไฟฟ้าช่วยในวันที่ไม่มีแสงแดด ส่วนที่ที่เป็นหมู่บ้าน หรือเป็นเมืองเล็ก ๆ ยากที่จะพบโรงแรม แต่จะมีโรงเตี๊ยมที่ใช้ห้องน้ำร่วมกันตลอดการเดินทางเราจำเป็นต้องนอนโรงเตี๊ยมรวม 3 คืน 1 คืน ในเมืองคุนหมิง อีก 2 คืน ระหว่างทางคุนหมิง-ต้าลี่ และระหว่างต้าลี่-ลิเจียง สำหรับราคาค่าที่พักนั้น ถ้าเป็นโรงเตี๊ยมก็คนละประมาณ 10 หยวน (1 หยวน= 4.75 บาท อัตราที่แลกไปจากเมืองไทย) ส่วนที่เป็นโรงแรม 60-70 หยวน/ ห้อง นอน 2 คน เป็นห้องมาตรฐานที่มีห้องน้ำในตัว มีน้ำร้อน ทีวี โทรศัพท์ นอกจากนี้ก็ยังมีห้องที่มีราคาสูงกว่านี้แต่พวกเราก็พอใจห้องมาตรฐานที่ประหยัดนี้ ยกเว้นที่คุนหมิงเราเลือกใช้บริการของโรงแรม Camellia ราคา 120 หยวน รวมอาหารเช้าแบบบุปเฟ่ต์โรงแรมแห่งนี้เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวมีนักท่องเที่ยวพักกันมาก เพราะโรงแรมราคาถูกที่แนะนำไว้เป็นใน Lonely Planet
..........เรื่องอาหารการกินของพวกเราไม่มีปัญหา แต่มีปัญหาตรงที่จะสั่งอย่างไรเพราะสื่อกันไม่รู้เรื่อง ประกอบกับหนึ่งในทีมของเราทานมัสะวิรัติอยู่ด้วย แต่ด้วยที่ระบบการจัดร้านอาหารของเขาตลอดเส้นทาที่เราปั่นไป มีลักษณะที่คล้ายกันคือ จะจัดประเภทเนื้อต่าง ๆ และผักซึ่งมีมากมายหลายอย่างใส่ภาชนะวางเรียงไว้ให้เราเห็น เราอยากทานอะไรก็ชี้เอา แล้วแต่ว่าเขาจะทำอะไรให้เรา เมื่อเราชี้แล้วเขาพูดอะไรเราไม่เข้าใจ (เขาคงถามเราว่าจะให้ทำหรือให้ปรุงอย่างไร) เราก็ได้แต่พยักหน้าในที่สุดเราก็ได้กินทุกครั้ง บางครั้งก็อาศัยแอบมองโต๊ะข้าง ๆ และชี้บอกว่าเอาอย่างนั้นบ้าง บางครั้งจำเป็นต้องใช้วิธีคีบชิ้นเนื้อขึ้นมาแล้วสื่อให้รู้ว่าไม่เนื้อเพื่อปรุงสำหรับคนมังสะวิรัต เราอยากทานแกงจืดผักก็ไม่ค่อยได้ทาน เพราะไม่รู้ว่าจะสื่ออย่างไร สื่อกันแล้วก็ยังไม่รู้เรื่อง จนกระทั่งวันหลัง ๆ ถึงได้ทาน เพราะอาศัยพนักงานโรงแรมคนหนึ่งที่พูดภาษาอังกฤษได้ ช่วยเขียนเป็นตัวหนังสือจีนให้ แต่ก็เกือบจะได้กินแกงจืดสบู่เสียแล้ว เรื่องก็คือเราบอกว่า เราเป็น vegetarian ช่วยเขียนภาษาจีนที่หมายถึง vegetable soup ให้หน่อย ด้วยที่เขากำลังมีงานบริการหลายอย่างพร้อมกัน ทำให้ฟังเราไม่ชัด หรือเราพูดไม่ชัด เขาพยักหน้ายินดี พร้อมกับถูมือไปมา และบรรจงเขียนตัวหนังสือจีนให้ เราดีใจวันนี้ได้กินแกงจืดผักแน่ เมื่อเดินออกมาได้ 2-3 ก้าวคนหนึ่งในทีมของเราเอะใจว่า แกงจืดผักทำไมเขาถึงทำมือเหมือนล้างมือ คงจะเป็น soap แทนที่จะเป็น soup แน่ จึงกลับไปถามใหม่ จึงได้ฮากันตึง เขา (พนักงานสาวสวยคนนั้น) ก็ขอโทษเราใหญ่ เกือบจะได้กินแกงจืดสบู่เข้าให้แล้วมั้ยล่ะ..ในระหว่างการเดินทางอาหารเช้าส่วนใหญ่จะเป็นซาละเปา ข้าวต้ม หรือ(คล้าย) น้ำข้าว หรือก๋วยเตี๋ยวยูนนาน บางที่เป็นน้ำเต้าหู้ –ปาท่องโก๋ กลางวันเราจะพกขนมปังเตียมไว้เพราะไม่แน่ใจว่าเราจะได้เจอะเจอร้านอาหารหรือไม่ ถ้าพบก็จะเป็นอาหารหลักเหมือนอาหารเย็นคือ สั่งอาหารเป็นจ่าย ๆ ทานกับข้าวสวย ราคาอาหารนั้นไม่แพง โดยทั่วไปถ้าเป็นผักก็ 4-5 หยวน ถ้ามีเนื้อปน 6-7 หยวน แต่เป็นประเภทเนื้ออย่างเดียวก็แพขึ้นมา ที่ยูนนานนี้ขาหมูมีชื่อมาก
..........การปั่นของพวกเราได้วางแผนไว้คือ จากคุรหมิง-ต้าลี่ เป็นระยะทางตามแผนที่ประมาณ 450 กม. ตั้งใจจะปั่น 5 วัน และพักที่ต้าลี่สัก 2 วัน ก่อนที่จะปั่นต่อไปลิเจียง แต่เราต้องใช้เวลาปั่นจากคุนหมิงไปต้าลี่ 6 วัน เนื่องจากในการปั่นวันที่ 3 และ ที่ 4 หลังจากออกจากคุนหมิง เราเจอฝน ลมแรง อากาศหนาวและต้องปั่นขึ้นเขา เราทำได้วันละ 45-50 กม. เท่านั้น ส่วนจากต้าลี่ ไปลิเจียง ระยะทางประมาณ 180 กม. เราปั่น 2 วัน ตามแผน แต่ในวันแรกตอนบ่ายเราก็ยังเจอฝน และหนาว (มาก) แต่เราต้องเดินหน้าต่อไปไม่เช่นนั้นเราจะต้องใช้เวลามากกว่า 2 วัน ระหว่างทางก่อนฝนตกเราได้พบกับนักปั่นคนหนึ่งปั่นสวนทางมาเป็นชาวอเมริกัน เขาพูดภาษาจีนได้ (ตลอดเส้นทางที่ผ่านมาเราไม่พบเห็นนักปั่นเลย ทำให้เราคิดกันว่าเราถ้าจะไม่ฉลาดที่ทำเช่นนี้เรามาปั่นกันทั้ง ๆ ที่มีข้อมูลน้อยมาก) เขากำลังจะปั่นไปต้าลี่ เราแลกเปลี่ยนข้อมูลเรื่องเส้นทางกัน อันที่จริงก่อนที่เราจะออกเดินทางจากคุนหมิงนั้น มีนักปั่นชาวโรมาเนียคนหนึ่งรู้ว่าเราเป็นคนไทยและปั่นจักรยาน เขาสนใจที่จะร่วมทางมากับพวกเรา แต่ด้วยที่เขามีปัญหาเรื่องเครดิตคาร์ดหาย และอยู่ในระหว่างการดำเนินการทำใหม่ ถ้าหากเสร็จทันเขาจะขอร่วมทางด้วย ซึ่งเราก็ยินดีที่จะมีเพื่อนร่วมเดินทางมากขึ้นอีก แต่ในที่สุดเขาทำไม่ทัน เมื่อไปถึงลิเจียง(ถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นเมืองมรดกโลกในปี พ.ศ. 2540) เราก็พักและเที่ยวอยู่ที่เมืองนั้น 4 วัน และเอารถจักรยานใส่รถบัสแบบรถนอนกลับคุนหมิง ใช้เวลาการเดินทางด้วยรถบัสประมาณ 10 ชม. ค่าโดยสาร 120 หยวนและค่าจักรยานอีกคันละ 20 หยวน ลักษณะเส้นทางระหว่างคุนหมิง-ต้าลี่ เราใช้เส้นทางสายเก่า (สายใหม่เป็นทางด่วนเขาไม่อนุญาติให้จักรยานใช้) เป็นถนนราดยางตลอด เมื่อพ้นเขตเมืองคุนหมิงสองข้างทางก็เป็นพื้นที่การเกษตร ปลูกข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ และผักหลากหลาย ไม่เห็นไม้ผล แต่ตามหมู่บ้านที่ผ่านไปจะมีแอปเปิ้ล และส้มขายมาก การเกษตรของเขาใช้ปุ๋ยหมักกันทั้งนั้น เมืองคุนหมิงอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,900 เมตร (ดอยอินทนนท์สูงประมาณ 2,650 เมตร) พอ ๆ กับต้าลี่ แต่ในระหว่างทางต้องปั่นขึ้นลงเขาหลายลูก ลูกสูงสุดประมาณ 1,500 เมตร เนื่องจากภูเขาของเขาเป็นภูเขาใหญ่ ดังนั้น เมื่อไต่ขึ้นแต่ละครั้งจะยาว 8-10 กม. หรือมากกว่านั้น แต่เมื่อลงก็ลงยาวเช่นกัน ส่วนลิเจียงนั้นอยู่สูงประมาณ 2,300 เมตร เช่นเดียวกันจากต้าลี่ไปลิเจียง จะต้องปั่นไต่ขึ้นเขาสูง สองข้างทางก็เห็นเป็นพื้นที่การเกษตรปลูกพืชเหมือนกับที่ผ่านมา แต่จะมีเพิ่มขึ้นมาคือมีการปลูก พืชมัสตาดที่กำลังออกดอกเหลืองอร่ามเต็มท้องทุ่งกระจายอยู่ทั่วไป
..........สำหรับแหล่งที่เป็นจุดท่องเที่ยวนั้นมีอยู่มาก แต่มีข้อสังเกตว่าแต่ละจุดที่จะเข้าไปชมนั้นจะต้องเสียค่าธรรมเนียม (ค่าบัตรผ่าน)ค่อนข้างแพงมีมาตรฐานราคาเดียวกันคือ 100 หยวน เช่น เข้าชมป่าหิน นั่งเรือชมทะเลสาบ (ไม่มีอะไรให้ประทับใจ) เจย์ดีสามองค์ หรือ พื้นที่งาน World Expo Garden ที่จัดไปเมื่อปี ค.ศ. 1999 เป็นต้น
..........ในการไปปั่นจักรยานครั้งนี้เราอาจเดินทางวันที่ 20 มีนาคม 48 และเดินทางกลับถึงวันที่ 7 เมษายน 48 รวมเป็นเวลา 18 วัน นอนที่คุนหมิง 2 คืน ก่อนเริ่มปั่นไปต้าลี่ใช้เวลา 6 วันติดต่อกัน และนอนที่ต้าลี่ 2 คืน ก่อนที่ปั่นไปลิเจียง 2 วัน และนอนที่ลิเจียง 5 คืน จากนั้นนอนในรถบัส 1 คืน กลับคุนหมิง และนอนที่คุนหมิงอีก 2 คืน ก่อนบินกลับเชียงใหม่ด้วยสวัสดิภาพ และทุกคนมีสุขภาพสมบูรณ์ดีทุกประการ รวมรายจ่ายเฉพาะค่าอาหาร ค่าที่พัก และค่ารถบัสเป็นเงินคนละประมาณ 1,100 หยวน